วันศุกร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559

โรงแรมคชสีห์ธานี

สามารถดูรายละเอียดข้อมูลได้ที่ http://www.kodchasri.com/
สามารถอ่านรีวิวเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่ https://th.tripadvisor.com

BODHI SERENE Boutique Hotel

สามารถดูรายละเอียดข้อมูลได้ที่ https://boutique-hotel-chiangmai.com
สามารถดูรีวิวเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่ https://th.tripadvisor.com

SIRILANNA CHIANGMAI HOTEL

สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ http://www.sirilanna.com/
สามารถอ่านรีวิวเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ที่ https://th.tripadvisor.com/

Tamarind village chiang mai

โรงแรมแทมมารีน วิลเลจ เป็นโรงแรมบูติค ที่มีเสน่ห์ของวัฒนธรรมล้านนา มีการตกแต่งภายในอาคารที่ร่มรื่น แฝงไปด้วยเสน่ห์ของล้านนา ทั้งห้องพัก สถานที่พักผ่อน สิ่งอำนวยความสะดวกเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบวัฒนธรรมและต้องการชื่ยชมบรรยากาศที่สงบ เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์

สามารถดูข้อมูลและรูปภาพบรรยากาศได้ที่นี่  http://www.tamarindvillage.com/th/

ที่มาของข้อมูล: http://www.tamarindvillage.com/th/


วัดล่ามช้าง

วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559

โจ๊กสมเพชร (Jok Som Phet)





เป็นร้านที่ขึ้นชื่อในจังหวัดเชียงใหม่ เรียกได้ว่าเป็นร้านเอาไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งความโดดเด่นอยู่ที่เป็นร้านอาหารที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเหมาะกับนักท่องเที่ยวและผู้คนที่เดินทางมาในทุกช่วงเวลา
โจ๊กสมเพชร หิวเมื่อไรก็แวะมาเขาเปิด 24 ชั่วโมงโจ๊กสมเพชร หิวเมื่อไรก็แวะมาเขาเปิด 24 ชั่วโมง

โจ๊กสมเพชร หิวเมื่อไรก็แวะมาเขาเปิด 24 ชั่วโมงโจ๊กสมเพชร หิวเมื่อไรก็แวะมาเขาเปิด 24 ชั่วโมง
โจ๊กสมเพชร หิวเมื่อไรก็แวะมาเขาเปิด 24 ชั่วโมงโจ๊กสมเพชร หิวเมื่อไรก็แวะมาเขาเปิด 24 ชั่วโมง

เพื่อประกอบการตัดสินใจท่านสามารถดูรีวิวร้านโจ๊กสมเพรชได้ที่นี่  https://www.wongnai.com/restaurants/

ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.hungryfatguy.com

วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์







วัดอุโมงค์เถรจันทร์ เป็นชื่อเรียกวัดเก่าแก่ที่พระเจ้ากือนา  ธรรมิกราชทรงสร้างขึ้น เพื่อถวายพระมหาเถรจันทร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฎกพำนักจำพรรษาในวัดแห่งนี้ ส่วนชื่อที่ 2 คือ   “วัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม”   เป็นชื่อใหม่ที่ภิกขุปัญญานันทะ ประธานสงฆ์วัดอุโมงค์ ในช่วง พ.ศ. 2492 - พ.ศ. 2509 ตั้งขึ้นเพื่อเรียกสถาปนาป่าผืนใหญ่ที่ปกคลุมวัดร้างโบราณ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ เป็นที่อยู่ของภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา และผู้แสวงหาความสงบ รวมเอาวัดไผ่ 11 กอ (วัดเวฬุกัฏฐาราม) และวัดอีก 4 วัด ที่อยู่ใกล้ ๆเอาไว้ ด้วย ซึ่งก็คืออาณาบริเวณวัดอุโมงค์ที่รู้จักกันทุกวันนี้เอง
ประวัติวัดอุโมงค์ มีหลักฐานทางด้านตำนานไม่ค่อยชัดเจนนัก จึงต้องใช้หลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีในการศึกษาค้นคว้าประวัติศาสตร์วัดอุโมงค์ด้วย ประวัติวัดอุโมงค์ที่จะกล่าวถึงนี้เป็นประวัติตามตำนานปัญหาเถรจันทร์ ซึ่งตามธรรมเนียมไทยในกษัตริย์ไทยสมัยโบราณที่จะขึ้นครองราชสมบัติ จะต้องสร้างบ้านเมือง พระราชวัง รวมทั้งวัดประจำราชการ เพื่อเป็นการแสดงว่ากษัตริย์มีความสนใจด้านการเมือง การปกครอง รวมทั้งทำนุบำรุงศาสนา และมีความสนใจในด้านศาสนา ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พระเจ้ามังรายมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังรายได้ทรงสร้างอาณาจักรล้านนาร่วมกับพระสหาย 2 พระองค์ คือ พระเจ้ารามคำแหงมหาราช เจ้าผู้ครองนครสุโขทัย และพระเจ้างำเมือง เจ้าผู้ครองนครพะเยา มาสร้างเมืองที่เวียงเหล็ก (บริเวณวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน) และได้ตั้งนามเมืองใหม่ว่า “เมืองนพบุรี ศรีนครพิงค์ เชียงใหม่” หลังจากที่พระองค์ทรงสร้างเมืองและพระราชวังเสร็จแล้วพระองค์ทรงทำนุบำรุงพุทธศาสนาทรงสร้างวัด เช่น วัดเชียงมั่น วัดเก้าถ้าน และวัดไผ่ 11 กอ (วัดเวฬุกัฎฐาราม) เป็นต้น วัดเวฬุกัฎฐาราม (วัดไผ่ 11กอ) เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อให้พระสงฆ์จากลังกามาจำพรรษา และสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการนำพุทธศาสนาจากลังกามาเผยแผ่ในอาณาจักรล้านนาเป็นครั้งแรกด้วย โดยพระองค์โปรดให้พระมหากัสสปะ เป็นผู้วางแผนผังวัดออกเป็นสัดส่วน โดยจัดเป็นเขตพุทธวาส (สถานที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า เช่น เจดีย์ อุโบสถ) และสังฆาวาส พระเจดีย์ที่สร้างขึ้นในวัดไผ่ 11 กอ เป็นเจดีย์ที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะลังกา เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ (มีขนาดเล็กกว่าพระเจดีย์องค์ปัจจุบันในวัดอุโมงค์) เมื่อวัดถูกสร้างเรียบร้อยแล้วพระองค์โปรดให้เฉลิมฉลองและตั้งชื่อว่า วัดเวฬุกัฏฐาราม (วัดไผ่ 11 กอ) และพระองค์ทรงนิมนต์คณะสงฆ์ลังกามาจำพรรษา และเผยแผ่พระพุทธศาสนาในล้านนา พระสงฆ์ในวัดเวฬุกัฏฐารามเป็นที่ศรัทธาและเลื่อมใสของกษัตริย์พระบรมวงศานุวงศ์  รวมทั้งประชาชน เนื่องจากพระสงฆ์จากลังกาที่มาจำพรรษาในวัดนี้มีความรู้ในธรรมวินัยดี มีความสามารถมากในการแสดงธรรม และมีความประพฤติที่เคร่งครัดในระเบียบวินัยมากกว่าพระสงฆ์อื่น ๆ
ปัจจุบันวัดอุโมงค์เถรจันทร์เป็นส่วนหนึ่งของวัดอุโมงค์สวนพุทธธรรม ประชาชนนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า วัดอุโมงค์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางพุทธศาสนา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจวัดอุโมงค์เป็นอันมาก



ที่มาข้อมูล:http://thai.tourismthailand.org/

วัดเชียงมั่น






วัดเชียงมั่น พุทธศาสนสถานอีกหนึ่งแห่ง ที่ถือได้ว่ามีความสำคัญสำหรับชาวเชียงใหม่เป็นอย่างยิ่ง วัดที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเชียงใหม่และถือเป็นวัดแห่งแรกในเขตกำแพงเมือง เมื่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่ขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1839 พระองค์ทรงยกพระตําหนักที่ประทับชื่อ ตําหนักเชียงมั่นถวายเป็นพระอารามใหม่ชื่อว่า วัดเชียงมั่น วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปสําคัญของเชียงใหม่ คือ พระเสตังคมณี หรือพระแก้วขาว ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวเชียงใหม่นอกจากวัดเชียงมั่นจะมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่ ในฐานะที่เป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในเขตกำแพงเมืองแล้ว เมื่อถึงเทศกาลสลากภัตร หรือ ทานก๋วยสลาก จะมีการทานข้าวสลากที่วัดนี้ก่อนแล้วจึงจะทำที่วัดอื่น ๆ ต่อไป ในสมัยพญามังราย วัดเชียงมั่น ยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาและเผยแผ่พระพุทธศาสนาอีกด้วย นอกจากนี้ วัดเชียงมั่นเป็นสถานที่รวบรวมโบราณวัตถุจำนวนมาก ซึ่งอาคารเสนาสนะและปูชนียวัตถุของวัดเชียงมั่นประกอบไปด้วย วัดเชียงมั่นมีสถาปัตยกรรมสําคัญ ได้แก่ เจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลม ฐานช่างล้อม  พระอุโบสถและหอไตร 

สิ่งที่น่าสนใจในวัดวัดเชียงมั่น

1.วิหารหลวง

ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดถัดจากหอไตรรูปทรงสถาปัตยกรรมแบบล้านนาด้านหน้าอุโบสถประดิษฐานศิลาจารึก หลักที่76 จารึกเมื่อปี พ.ศ. 2124 อุโบสถหลังนี้สร้างขึ้นพร้อมกับวิหารและหอไตร กรมศิลปากรประกาศขึ้น ทะเบียนพร้อมกันกับเจดีย์ วิหาร และหอไตร
 
2. เจดีย์ช้างล้อม
เป็นเจดีย์รูปทรงสถาปัตยกรรมล้านนาฐานช้างล้อม องค์เจดีย์ผสมสี่เหลี่ยมและทรงกลมเปิดทองจังโก สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 1840ครั้งพญามังรายสถาปนาวัดเชียงมั่น และได้รับการบูรณะซ่อมแซมจากผู้ครองนคเชียงใหม่สืบมา กรมศลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้วเมื่อ พ.ศ. 2478
 
3.พระแก้วขาว
พระแก้วขาว หรือ พระเสตังคมณี เป็นพระพุทธรูปที่นับถือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถคุ้มครองป้องกัน อันตรายและอำนวยความ สุขสวัสดิ์มงคลแก่ผู้ที่เคารพสักการะ
4. ศิลาจารึกวัดเชียงมั่น
ตั้งอยู่ที่โถงด้านหน้าของอุโบสถวัดเชียงมั่น เชียงใหม่ จารึกถึง พระนามของกษัตริย์สามพระองค์ คือ พญามังราย พญางำเมือง และพญาร่วง ( พ่อขุนรามคำแหง ) ว่าทั้งสามพระองค์ทรง ร่วมกันสร้างเมืองเชียงใหม่เป็นการจารึก เกี่ยว กับการสร้างเมืองเชียงใหม่ และการสร้างวัดเชียงมั่น ตลอดจนการทำนุบำรุงวัดนี้จากกษัตริย์และพระราชวงศ์ นับเป็นหลักฐาน ทางประวัติศสาตร์ที่ทรงคุณค่า

5.หอครูบาศีวิชัย
สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2505 ศิลปะสถาปัตยกรรมแบบล้านนา เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่ง ล้านนาไทย

 ที่มาข้อมูล: http://www.thaiticketmajor.com